Sensory Play คืออะไร

Sensory Play คืออะไร?การเล่นผ่านทางระบบรับความรู้สึก ที่ช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัส ทั้ง 5 อันได้แก่การสัมผัส การดมกลิ่น การมองเห็น รสชาติ เเละเสียง รวมถึงการเคลื่อนไหว ความสมดุล และการรับรู้เชิงพื้นที่ด้วยโดยเกือบทุกประสบการณ์ที่เด็กมีส่วนร่วม จะเกิดการกระตุ้นประสาทสัมผัสอย่างน้อยหนึ่งอย่าง อย่างไรก็ตาม การเล่นบางประเภทจะกระตุ้นประสาทสัมผัสมากกว่าประเภทอื่นๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเด็กทุกคนจะได้รับประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสทั้งหมด ถึงแม้การกระตุ้นให้เด็กลองทำสิ่งใหม่ๆ จะเป็นเรื่องดี แต่ก็อย่ากดดันให้เด็กทำสิ่งต่างๆ มากเกินไป ประโยชน์ของการเล่นทางประสาทสัมผัสคืออะไร? เมื่อแรกเกิด ประสาทสัมผัสของเด็กยังไม่พัฒนาเต็มที่ แต่พวกเขาสามารถพัฒนาเมื่อเวลาผ่านไป เมื่อเด็ก ๆ มีส่วนร่วมกับโลกรอบตัวพวกเขา ซึ่งหมายความว่าเด็กทารก เด็กเล็ก และเด็กก่อนวัยเรียนจะเรียนรู้เกี่ยวกับโลกด้วยการสัมผัส การชิม การดมกลิ่น การเห็น การได้ยิน และการเคลื่อนไหวร่างกาย  เนื่องจากประสาทสัมผัสของเด็กเล็กยังคงพัฒนาอยู่ ประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสใหม่แต่ละอย่างจึงสร้างเส้นทางประสาทที่พัฒนาศักยภาพของสมอง การเจริญเติบโตของสมองที่เกิดขึ้นจากการเล่นด้วยประสาทสัมผัสจะช่วยเพิ่มประสาทสัมผัสของเด็ก ซึ่งพวกเขาจะสามารถใช้ในการเรียนรู้ได้ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น เมื่อเด็กมีส่วนร่วมกับพื้นผิวต่างๆ พวกเขาจะเรียนรู้ว่าพื้นผิวใดหยาบ/เรียบ แข็ง/นุ่ม และเปียก/แห้ง ตระหนักนี้เป็นขั้นตอนแรกในการเรียนรู้การจำแนกและจัดเรียงวัตถุ Sensory Play ประตูสู่โอกาสการเรียนรู้– ทักษะทางภาษา – ทักษะการประสานงาน– ทักษะการแก้ปัญหา– ทักษะการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม   – ทักษะการควบคุมตนเอง (อารมณ์และพฤติกรรม)  –…

Read article
Article

พัฒนาการด้านศิลปะในแต่ละช่วงวัย

มีคำถามที่ผู้ปกครองมักถามคุณครูบ่อยๆ เกี่ยวกับเด็กๆ คือลูกๆ ทำได้ดีแล้วหรือยัง? ทำได้เท่านี้ปกติมั้ยคะ คุณครูที่โรงเรียบอกว่าเค้าระบายสีไม่สวย วาดรูปไม่ได้ จนทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายท่านเกิดความกังวลในตัวลูก วันนี้คุณครูจะมาบอกเล่าเกี่ยวกับพัฒนาการของเด็กๆ ตามทฤษฎีของ Erik H. Erikson (นักจิตวิทยาชาวเยอรมัน) ที่มีความเชื่อมโยงกับการขีดเขียนวาดรูปของเด็กๆ จากการวิเคราะห์เด็กและทำความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมเด็ก ที่ศึกษาจากการอบรมเลี้ยงดู สภาพสังคม และความเป็นอยู่ นำมาเชื่อมโยงระหว่างจิตวิทยากับสังคมวิทยา จนเกิดแนวคิดว่ามนุษย์ต้องพึ่งพาสังคมและสังคมต้องพึ่งมนุษย์ จนมีวิวัฒนาการที่ซับซ้อนหลายขั้นตอน จนได้มีการแบ่งพัฒนาการทางบุคลิคภาพออกมาถึง 8ขั้น แต่ในที่นี้คุณครูจะเปรียบเทียบกับช่วงอายุเด็กที่เชื่อมโยงกับการขีดเขียนรูปเพียง 4ขั้นดังนี้ ขั้นที่1 ระยะทารก (0-2ปี) ระยะขวบแรกที่เด็กจะเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัส ดู-ฟัง-รับรส-สัมผัส-กลิ่น จากการกอดรัดสัมผัส พูดคุยเล่นด้วย การดูดนมแม่ การมองเห็นสิ่งของ ดังนั้น Sensory Play หรือการเล่นที่ส่งเสริมให้เด็กสำรวจสิ่งรอบตัวด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 เช่น รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส จึงเป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นพัฒนาการเด็กได้เป็นอย่างดี ขั้นที่2 วันเริ่มต้น (2-3ปี) เป็นวัยที่เด็กๆจะได้เริ่มเรียนรู้ที่จะกิจกรรมต่างๆด้วยตนเอง หากได้รับการสนับสนุน การกระตุ้นให้เด็กได้ทำอะไรด้วยตนเองพอสมควรนั้น จะทำให้เด็กได้มีการพัฒนาทางด้านสมองและร่างกายไปในตัว เช่นการพัฒนาและส่งเสริมกล้ามเนื้อมือมัดเล็ก…

Read article
Article สอนเด็กใช้กรรไกร สำหรับงานศิลปะ

อย่าให้เด็กเล่นกรรไกรมันอันตราย

อย่าให้เด็กเล่นกรรไกรมันอันตราย! หลายครั้งที่เรามักเคยได้ยินญาติผู้ใหญ่ คอยดุเตืิอนเสมอ ที่เด็กๆหยิบกรรไกรขึ้นมา ราวกับว่าเป็นเข็มอาบยาพิษของแม่มดที่กลัวออโรร่าจะไปจับยังไงอย่างงั้น . . แต่หากเรามองในเรื่องของการพัฒนาทักษะพึงมีของเด็กๆแล้วล่ะก็ กรรไกรถือเป็นอุปกรณ์ที่ท้าทายอย่างหนึ่งที่ช่วยฝึกทั้งกล้ามเนื้อมือมัดเล็ก ไปพร้อมๆกับการฝึกสมาธิได้ในคราวเดียวกัน ซึ่งสำคัญที่สุดคือ คุณพ่อหรือคุณแม่ควรจะอยู่กับน้อง ในการใช้กรรไกร โดยเริ่มจากการฝึกจับกรรไกรให้ถูกต้อง การออกแรงถ่างกรรไกรด้วยมือเดียว เมื่อเด็กๆจับอย่างถูกต้องได้แล้ว อาจให้เริ่มจากตัดกระดาษตามเส้นตรง ด้วยความยาวประมาณ 15 ซม. ก่อนจะค่อยๆขยับเป็นนรูปทรงสี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม วงกลม หรือรูปร่างที่มีความซับซ้อนมากขึ้นตามทักษะ และอาจต่อยอดขึ้นงานศิลปะอย่างการตัดกระดาษเป็นรูปทรงต่างๆ เช่น ตัดวงกลม แล้วนำมาเเปะเป็นรูปภาพ ดอกไม้ หรือพระอาทิตย์ หรือรูปอื่นๆตามจินตนาการเด็กๆ ก็ได้ . . อย่าลืมที่จะชื่นชมผลงานที่ลูกทำด้วยนะคะ เพราะคำชมเล็กๆน้อยจากคุณฑ่อคุณแม่ ถือเป็นกำลังใจที่ยิ่งใหญ่สำหรับลูกน้อยเลยล่ะค่ะ

Read article
Article ทำอย่างไรเมื่อลูก เอาแต่ใจ

ทำอย่างไรเมื่อลูก เอาแต่ใจ

ทำอย่างไรเมื่อลูก เอาแต่ใจ ไม่เฉพาะเพียงแต่สิ่งที่ถูกสอนถึงจะเกิดการเรียนรู้ แต่ในขณะเดียวกัน สิ่งที่ไม่ถูกสอนก็เกิดกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาต่อไปเป็นนิสัยได้เหมือนกัน   คุณพ่อคุณแม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้หรือไม่?   ขัดใจปุ๊ปร้องไห้ปั้ป หนักๆเข้าก็ลงไปดิ้นกับพื้นจนกว่าพ่อแม่จะยอมทำในสิ่งท่ี่ลูกต้องการ   เพราะเด็กเกิดกระบวนการเรียนรู้ตั้งแต่ยังเป็นทารก คือเมื่อรู้สึกว่าตัวเองหิว เมื่อร้องไห้แล้วมีน้ำนมให้กิน เด็กจะเรียนรู้ว่า หิวให้ร้องแล้วจะได้กินนมให้อิ่ม เมื่อทำซ้ำจึงเกิดเป็นกระบวนการเรียนรู้ ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ เมื่อต้องการอะไรมากๆ ก็ให้เพิ่มความต้องการให้รุนแรงขึ้นไปอีก และหากพ่อแม่ใจอ่อน ยอมตกหลุมพรางความต้องการโดยปราศจากเหตุผลนั้นแล้ว ก็จะทำให้เด็กๆ เรียนรู้ได้เองตามธรรมชาติ ถึงวิธีสนองความต้องการ คือแสดงพฤติกรรมทีทรุนแรงมากขึ้น จนพัฒนากลายเป็นนิสัยเมื่อเติบโตขึ้น . . ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ธรรมชาติของเด็กวัยนี้ (ช่วง 6 ขวบแรก) เป็นช่วงของการเรียนรู้ การเอาแต่่ใจ และการยอมรับฟัง ที่จะเกิดขึ้นผสมผสานกันไป เป็นช่วงที่พ่อแม่ห้ามใจอ่อน และต้องเริ่มฝึกให้เขาไม่ติดนิสัยการเอาแต่ใจ . . แล้วจะเเก้ไขอย่างไรดีคะ?   ต้องเริ่ีมฝึกให้ลูกช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่ยังเล็ก (เริ่มตอน2ขวบ) เริ่มใส่เสื้อผ้าเอง กินข้าวเอง พาไปเจอเพื่อนในวัยเดียวกันเพื่อให้เกิดเรียนรู้ การแบ่งปัน การได้รับการให้ เวลาที่ลูกร้องไห้โวยวายเมื่อไม่ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ (ประเภทลงไปดิ้นกับพื้น) สิ่งแรกที่ควรทำคือ การเข้าไปกอดลูกไว้…

Read article
Article สอนทำการบ้าน หลังเลิกเรียน

ลูกทำการบ้าน…เป็นเรื่องง่าย!

ถึงแม้ว่าเด็กๆ จะปิดเทอมกันแล้ว แต่ที่โรงเรียนก็ฝากการบ้านปิดเทอมมาให้ลูกฝึกฝน เราก็ไม่อยากบังคับ แต่ปล่อยไว้ก็คงจะไม่่ได้ทำแน่ๆ วันนี้เรามาดูเคล็ด(ไม่)ลับ ที่จะช่วยลูกทำการบ้าน…ให้เป็นเรื่องง่าย!  กันดีกว่าค่ะ   ลูกทำการบ้าน…เป็นเรื่องง่าย!   จัดมุมโปรด ให้โดนใจ โต๊ะควรมีขนาดพอเหมาะกับผู้นั่ง มีเเสงไฟที่สว่างเหมาะกับการอ่านหนังสือ และควรจัดวางอุปกรณ์ต่างๆบนโต๊ะให้เป็นที่เป็นทาง เพราะสะดวกต่อการหยิบใช้   อุปกรณ์ต้องครบ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในการทำการบ้านก็คือ อุปกรณ์เครื่องเขียน ไม่ว่าจะเป็นดินสอ ยางลบ ปากกา สีต่างๆ เพื่อไม่ให้อารมณ์ขาดตอน หรือเป็นข้ออ้างในการทำการบ้าน ควรเตรียมอุปกรณ์ให้ครบครัน   ห่างไกลอุปกรณ์อิเลคโทรนิค บ่อยครั้งที่เด็กๆถูกดึงดูดความสนใจด้วยโทรทัศน์ อุปกรณ์สื่อสาร และคอมพิวเตอร์ เพราะนอกจากมันจะุดูดเวลาไปโดยไม่รู้ตัวแล้ว แสงจากอุปกรณ์อิเลคโทรนิคส์ต่างๆนั้น มีผลกระทบต่อดวงตา อาจทำให้เหนื่อยล้าจนไม่อยากทำการบ้านต่อ   เวลาที่ใช่ ควรจัดเวลาทำการบ้านให้กับลูก แต่ก็ไม่ควรถึงกับ Fix เรื่องเวลาเป็นตัวเลขซะทีเดียว อาจเป็นช่วง“ช่วงเวลา” เช่นหลังอาบน้้ำ หลังจากกลับถึงบ้าน หรือก่อนเวลาอาหารเย็น  แบ่งเวลาให้ดี เพื่อจะได้มีเวลาไปทำอย่าง อื่นด้วย มองหาตัวช่วย ไม่ใช่ทุกครั้งที่เด็กๆ จะสามารถทำการบ้านได้เอง เพราะการบ้านที่เด็กๆ ได้มานั้นคือบทเรียนที่ช่วยฝึกฝนให้เขาเก่งขึ้น…

Read article