สอนทำการบ้าน หลังเลิกเรียน

ตอนเด็กเรียนโรงเรียนอะไรก็ได้ ตอนโตค่อยย้ายดีจริงไหม!?

ตอนเด็กเรียนโรงเรียนอะไรก็ได้ ตอนโตค่อยย้ายดีจริงไหม!? เด็กๆ เกิดและค่อยๆเติบโตขึ้น สภาพแวดล้อมและสังคมที่เจอในวัยเด็กจะค่อยๆหล่อหลอมนิสัยนิสัยของพวกเขาให้เติบโตแตกต่างกัน หรืออาจจะต่างจากที่คุณพ่อคุณแม่คิดไว้เลยก็ได้ ดังนั้นการเลือกโรงเรียนตอนเด็กจึงไม่ใช่อะไรก็ได้อีกต่อไป แต่เราอาจต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆด้วย 🚗ระยะทาง คงไม่คุ้มกันเลยใช่มั้ยคะที่ลูกต้องตื่นเช้าออกจากบ้านกันตั้งแต่6โมง นั่งอยู่บนรถอีก2 ชั่วโมง ก่อนถึงรร. และไหนคุณพ่อคุณแม่จะต้องรีบออกจากที่ทำงานบึ่งรถมารับลูกที่รร. และกลับมาบ้านอีก เด็กบางคนอยู่นอกบ้านนานถึง 12ชั่วโมงเลยก็มี ความเหนื่อยล้าทางกายที่ได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอ บวกกับทางจิตใจ ที่อาจต้องนั่งรอพ่อแม่หลังเลิกเรียนนานกว่าจะมารับ ในขณะที่เพื่อนๆทะยอยกลับบ้านกันไปหมดแล้วนั้น ส่งผลต่อความคิดและอารมณ์ของเด็กได้ 💰การเงิน โรงเรียนที่ดีไม่จำเป็นต้องเเพงเสมอไป เราไม่จำเป็นต้องเสียเงินเกินตัวเพราะต้องการซื้อสังคมดีๆ สภาพแวดล้อมดีๆ เกินกำลังตัวเอง โรงเรียนระดับกลางที่มีคุณภาพก็สามารถผลิต นักเรียนดีๆออกมาได้เช่นกัน การลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ อาจนำไปเพิ่มเติมในส่วนของการเรียนเสริมเพิ่มทักษะอื่นๆ ที่เด็กสนใจก็ได้นะคะ 🏫สภาพแวดล้อม สิ่งปลูกสร้างและธรรมชาติควรอยู่ในสัดส่วนที่สมดุลกัน เด็กๆควรมีโอกาสได้เรียนรู้ผ่านประสาท สัมผัส จากทั้งในและนอกห้องเรียน ในพื้นที่ที่ปลอดภัยและมีบุคลากรดูเเลอย่างทั่วถึง เช่นสนามเด็กเล่นที่ปลอดภัยและเเข็งเเรง ต้นไม้ที่ปลูกในส่วนของสถานศึกษาต้องไม่เป็นอันตรายเช่นมีหนามคม ต้นไม้สูงที่ให้ผลใหญ่หล่นง่าย หรือหญ้ารกที่เสี่ยงต่อการเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์มีพิษ เพื่อสิ่งที่ดีที่สุดของลูก💗

10 กิจกรรมเสริมทักษะหนูๆช่วงปิดเทอม

10 กิจกรรมเสริมทักษะหนูๆช่วงปิดเทอม พอได้ยินคำว่า ปิดเทอม เด็กหลายๆคนคงร้องเฮดังลั่น เพราะนี่คือช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในวัยของพวกเขาที่ ไม่ต้องไปโรงเรียน การได้นอนตื่นสาย นั่งดูทีวีหรือสมัยนี้อาจจะเป็นเล่นเกมส์จากคอมพิวเตอร์ทั้งวันเป็นสิ่งที่โปรดปรานที่สุดในตอนนี้ แต่ในมุมของผู้ปกครองก็คงอยากให้ลูกได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์และใช้เวลาว่างในช่วงปิดเทอมให้เป็นประโยชน์มากที่สุดใช่ไหมครับ การทำกิจกรรมร่วมกันกับครอบครัวก็เป็นวิธีหนึ่ง ที่นอกจากจะช่วยเสริมสร้างความรักความผูกพันในครอบครัวแล้วยังช่วยพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของเด็กๆได้ดีอีกด้วย ลองมาดูกันครับว่ามีกิจกรรมไหนที่น่าสนใจบ้าง 1. วาดรูประบายสี เป็นกิจกรรมที่เด็กหลายๆคนชอบ การขีดเขียนหรือระบายสีตามจินตนาการนอกจากจะช่วยฝึกสมาธิ ฝึกความอดทนแล้ว ยังส่งเสริมด้านความคิดริเริ่มสร้างสรรค์อีกด้วย ลองให้เด็กๆวาดภาพเกี่ยวกับครอบครัว ภาพในชีวิตประจำวัน แล้วพูดคุยแลกเปลี่ยนคิดกับคุณพ่อคุณแม่ ก็จะช่วยให้เด็กมีพัฒนาการด้านอารมณ์และจิตใจที่ดีขึ้นได้ครับ 2. ทำอาหาร การทำอาหาร นอกจากจะทำให้เด็กๆสนุกสนานเพลิดเพลินแล้ว ยังช่วยเพิ่มพัฒนาการช่วยเหลือตัวเอง การคำนวณปริมาณ ส่วนผสมต่างๆในอาหาร และยังช่วยให้เด็กรู้สึกภูมิใจในตนเองเวลาได้รับคำชมจากผู้ปกครองอีกด้วย 3. ปลูกต้นไม้ ทำสวน แรกๆอาจจะเริ่มต้นด้วยการช่วยคุณพ่อรดน้ำต้นไม้ ปลูกผักสวนครัวต้นเล็กๆในกระถาง หรือช่วยคุณแม่จัดตกแต่งสวนให้สวยร่มรื่น กิจกรรมนี้จะส่งเสริมให้เด็กรักธรรมชาติ รักต้นไม้ และรู้คุณค่าของสิ่งแวดล้อม ทำให้มีจิตใจที่อ่อนโยนอีกด้วยครับ 4. เล่นกีฬา การเล่นกีฬาตามความถนัดและความชอบของเด็กๆ นอกจากจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังฝึกความมีวินัยในการซ้อม ความอดทน และปูทางสู่อาชีพหรือความสามารถพิเศษเฉพาะทางในอนาคตได้ครับ 5. เล่นดนตรี ดนตรี นอกจากจะช่วยผ่อนคลายอารมณ์ ทำให้เพลิดเพลินแล้ว ดนตรีนับว่าเป็นกิจกรรมที่พัฒนาสมองเป็นอย่างมาก เพราะต้องใช้ทั้งทักษะความจำ…

สิงคโปร์ยกเลิก “การสอบ” ให้เด็กโฟกัสการเรียนรู้ ไม่ใช่แข่งขัน

สิงคโปร์ยกเลิก “การสอบ” ให้เด็กโฟกัสการเรียนรู้ ไม่ใช่แข่งขัน   #ประเทศไทยยกเลิกบ้างมั้ย ปันจุบันเด็กๆ หลายคนต้องเรียนหนังสืออย่างหนักหน่วง นอกจากจะต้องเรียนที่โรงเรียนแล้วยังต้องไปเรียนกวดวิชาข้างนอก เพื่อที่จะสอบให้ได้ที่ 1 ล่าสุดกระทรวงศึกษาธิการสิงคโปร์ ต้องการแก้ปัญหาการเรียนหนัก และการสอบที่เกินจำเป็น อันเป็นผลมาจากการจัดอันดับทางด้านการศึกษาที่มีมาอย่างยาวนาน จึงได้ประกาศยกเลิกระบบ “จัดอันดับในชั้นเรียน” และยกเลิกการ “สอบ” สำหรับนักเรียนช่วงชั้นประถม และมัธยม ตามนโยบาย “การเรียนรู้เพื่อชีวิต” (Learn For Life) เพื่อกระตุ้นให้เด็กนักเรียนจดจ่ออยู่กับกระบวนการเรียนรู้ และเปลี่ยนแปลงระบบการสอนในโรงเรียน ให้เป็นการเรียนรู้อย่างแท้จริง ไม่ใช่การแข่งขันกันเรียนเหมือนที่ผ่านมา! และไม่ต้องห่วงว่าไม่มีการสอบแล้วจะวัดผลการเรียนของเด็กได้อย่างไร เพราะสิงคโปร์ ได้เปลี่ยนมาเป็นการเก็บข้อมูลประเมินผลการเรียนรู้แทน และเริ่มเปลี่ยนระบบในปีการศึกษา 2019 ดังรายการต่อไปนี้ 1.ไม่มีการตัดเกรดบันทึกลงในสมุดพก และจะไม่มีการจัดอันดับภายในชั้นเรียน หลีกเลี่ยงปัญหาการถูกเปรียบเทียบ 2.ยกเลิกการสอบทุกชนิดในระดับชั้น ป.1 และ 2 ใช้ระบบควิซถามประเมินความรู้ความเข้าใจแทน 3.ยกเลิกการสอบกลางภาคในระดับชั้น ม.1 และภายในปี 2020 – 2021 จะนำไปใช้กับชั้น ป.3 ป.5 และม. 3…

ลูกพัฒนาการช้า เรื่องที่พ่อแม่กังวล

Image by Марина Вельможко from Pixabay ลูกพัฒนาการช้า เรื่องที่พ่อแม่กังวล เด็กที่มีพัฒนาการล่าช้า คือเด็กที่มีพัฒนาการช้ากว่าลำดับขั้นพัฒนาการตามปกติของช่วงอายุเด็ก การที่ ลูกพัฒนาการช้า อาจเกิดขึ้นในด้านใดด้านหนึ่ง หรือหลายด้าน เช่น ทักษะด้านการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อมัดเล็กและมัดใหญ่(เช่น การเดิน และการขีดเขียน) ด้านการสื่อสารและภาษา (ทั้งการรับ ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับความเข้าใจ และการแสดงออก ซึ่งเกี่ยวข้องกับการพูด) การช่วยเหลือตนเอง (เช่น การเข้าห้องน้ำหรือแต่งตัว) ด้านสังคม (เช่น การสบตา และเล่นกับคนอื่น) ซึ่งการที่เด็กจะมีพัฒนาการล่าช้าเกิดขึ้นได้จากปัจจัยทั้งภายในและภายนอก ได้แก่ พันธุกรรมที่ได้รับจากพ่อและแม่ สุขภาพที่ไม่สมบูรณ์ของแม่ขณะตั้งครรภ์ ภาวะการคลอดที่ไม่ราบรื่น สุขภาพของเด็กหลังคลอดและปัจจัยแทรกซ้อนช่วงหลังคลอด การเลี้ยงดูและภาวะโภชนาการที่ไม่เหมาะสม สัญญาณเตือน ลูกพัฒนาการช้า อาการผิดปกติที่ส่งผลทำให้ลูกพัฒนาการช้านั้น เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย อีกทั้งหากลูกมีร่างกายที่ผิดปกติ ก็จะส่งผลไปถึงพฤติกรรมของลูกได้อีกด้วย ซึ่งอาการผิดปกติที่คุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตเห็นได้ชัด ที่ต้องคอยระวัง ได้แก่ 1. ศีรษะ หากคุณพ่อคุณแม่สังเกตเห็นว่า ลูกมีศีรษะที่เล็ก หรือใหญ่เกินไป นั่นก็อาจบ่งบอกได้ว่า ลูกอาจจะมีการเจริญเติบโตทางสมองที่ผิดปกติได้ ส่วนขนาดเส้นรอบศีรษะโดยปกติของเด็กนั้นจะมีขนาดโดยประมาณดังนี้ แรกเกิด-3…

วิจัยพบเด็กยุคใหม่ EF ต่ำกว่าเกณฑ์

วิจัยพบเด็กยุคใหม่ EF ต่ำกว่าเกณฑ์ จากแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ต้องการให้ประเทศเราก้าวข้ามผ่านความเป็นประเทศรายได้ระดับกลางสู่ประเทศรายได้สูง ภาคธุรกิจต่างๆ เติบโตแข่งขันหากำไร แต่ในทางกลับกันสถาบันครอบครัวกลับอ่อนแอลง โดย ในงานแถลงข่าว เรื่อง “EF..ทักษะสมองขั้นสูง ทางรอดของเด็กไทยในศตวรรษที่ 21” ที่สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล ดร.นุชนาฏ รักษี รองผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว เปิดเผยว่าทางสถาบันได้ร่วมกับบริษัทดาวและ RLG ทำการศึกษา EF ในเด็กปฐมวัย ที่มีอายุระหว่าง 3-6 ปี จำนวน 136 คน ที่กำลังศึกษาอยู่ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดห้วยโป่ง และ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตาบลมาบข่าพัฒนา จังหวัดระยอง พบว่า พ่อแม่ 77.9% ทำกิจกรรมร่วมกับลูกเพียง 1 ครั้ง/สัปดาห์ เด็ก 31.6% ดูทีวีมากกว่า 2 ช.ม/วัน  5.9% พบความรุนแรงในครอบครัว จากการสอบถามพ่อแม่พบว่าลูกพัฒนาการปกติสมวัย เพียง 72.0% แต่จากการประเมินโดยการตรวจพบว่า เด็กมีพัฒนาการล่าาช้าถึง 74.4 % แต่หลังจากที่เด็กและครอบครัวทั้งหมดเข้าสู่โปรแกรมการพัฒนา EF ของทางสถาบันฯ เด็กมีพัฒนาการสมวัยเพิ่มขึ้นจากจำนวน 25.6% เป็น 53.3% ของเด็กทั้งหมด…

ผ้าอ้อมสำเร็จรูปมีผลต่อการกลั้นฉี่ของลูกหรือไม่

ทางบ้านไม่อยากให้ลูกใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปเพราะเปลือง ทางครูก็กดดันมาว่าทำไมเด็กยังต้องใช้อีก คนอื่นๆ เขาเลิกใช้กันแล้ว หนูกลุ้มใจมากเลย เพราะพอไม่ใส่ก็ราด เด็กทุกคนบนโลกจะสามารถกลั้นฉี่และอึได้ก่อนอายุ 3 ขวบทุกคน หากเราไม่กดดันจนเกินไป ช่วงอายุ 2-3 ขวบเป็นช่วงวัยพัฒนาการที่เรียกว่าออโตโนมี่ (autonomty) เด็กจะพัฒนาความสามารถกลั้นฉี่และกลั้นอึได้เองโดยอัตโนมัติ  ไม่มีใครต้องสอน และที่จริงแล้วไม่มีใครจะมีปัญญาสอน เพราะกล้ามเนื้อกลั้นฉี่กลั้นอึนี้เป็นกล้ามเนื้อเรียบ (smooth muscle) ซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจของจิตใจ กล้ามเนื้อกลั้นฉี่กลั้นอึที่หูรูดกระเพาะปัสสาวะและที่หูรูดทวารหนักอยู่ที่ศูนย์กลางของร่างกายอยู่แล้ว จึงจะพัฒนาได้เองเป็นอย่างแรกๆ โดยที่ไม่ต้องมีใครบังคับ ที่เราพยายามสอนเด็กๆ คือสอนเรื่องกาลเทศะเสียมากกว่า กล่าวคือเมื่อปวดฉี่ให้ไปฉี่ตรงนั้น และเมื่อปวดอึให้ไปถ่ายตรงนั้น พ่อแม่ที่รู้งานจะพาลูกไปห้องน้ำตามเวลา ด้วยความสุข นั่งเป็นเพื่อน รอเวลาให้เขาถ่าย เขาไม่ถ่ายก็กลับออกมาด้วยความสุขเหมือนขาเข้า เราจึงเรียกว่าสุขา เข้าก็เป็นสุข ออกก็เป็นสุข เมื่อเด็กๆ เป็นสุขเขาจะทำได้เองโดยไม่มีใครสอน  เรียกว่าทำได้เองโดยอัตโนมัติ ในทางตรงข้าม หากเรากดดันเขามากไปในวันเวลาที่เขาไม่พร้อม เขาจะติดขัด พัฒนาไม่ไป เราเรียกว่า fixation การกลั้นฉี่อึนี้ก็จะยืดยาวออกไป และถ้าเรายังไม่เลิก ดุด่าว่าตีซ้ำเพียงเพราะเขากลั้นยังไม่ได้ เขาจะเริ่มถดถอย พัฒนาการถอยหลัง เราเรียกว่า regression ความสามารถที่จะกลั้นได้ก็จะยืดยาวออกไปอีก เรื่องการติดขัดและการถดถอยนี้เป็นได้กับพัฒนาการอื่นๆ ด้วย…

ลูกมีพัฒนาการช้ามีลักษณะอย่างไร

ทุกครั้งที่เห็นเด็กวัยเดียวกับลูกของเรา อดไม่ได้ที่จะลองสังเกตแล้วเปรียบเทียบกับลูกตัวเอง ที่จริงเรื่องของพัฒนาการของเด็กแต่ละคนไม่ควรนำมาเปรียบเทียบกัน ผู้เชี่ยวชาญทางด้านพัฒนาการเด็กบอกอยู่บ่อย ๆ ว่า เรื่องพัฒนาการเติบโตของเด็กแต่ละคนไม่ใช่เรื่องของการแข่งขัน เกณฑ์มาตรฐานที่ใช้ตรวจสอบพัฒนาการก็เป็นเพียงเกณฑ์คร่าว ๆ เด็กแต่ละคนเกิดมาย่อมมีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายหลาก จะช้าหรือเร็วกว่ากันบ้างไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติแต่อย่างใด แค่ไหนที่เรียกว่า “พัฒนาการช้า” พ่อแม่ส่วนใหญ่จะเพ่งเล็งไปที่ความก้าวหน้าทางพัฒนาการ ที่เห็นได้ชัด อย่างเช่น เมื่อไหร่ลูกจะนั่ง จะคลาน ยืน เดินได้ แต่คุณหมอทางด้านพัฒนาการทั้งหลายจะไม่ดูแค่นี้ คุณหมอจะให้ความสำคัญกับการรับรู้ของเด็ก มากเสียยิ่งกว่าพัฒนาการทางร่างกาย คุณหมอจะดูว่าหนูจะยิ้มให้ผู้คนไหม มองตามสิ่งที่เคลื่อนไหวไหม หรือสนใจจดจำเสียงต่าง ๆ ได้บ้างไหม.. นี่แสดงว่าหนูรับรู้สิ่งแวดล้อมที่มากระทบ สามารถเชื่อมโยงสิ่งหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน และมีปฏิสัมพันธ์ตอบสนองได้ แต่คุณพ่อคุณแม่กลับไปกังวล เมื่อเห็นลูกทำอะไรไม่ได้เหมือนคนอื่นเขา ไม่ก้าวหน้าอย่างที่ตารางพัฒนาการบอกไว้ ที่จริงเป็นเรื่องแสนจะธรรมดา ที่เด็กบางคนก้าวหน้าอย่างมากในบางเรื่องหรือล่าช้าในบางเรื่อง ไม่ได้เป็นสิ่งแสดงว่าหนูจะเป็นอัจฉริยะหรือฉลาดน้อยแต่อย่างใด ผู้เชี่ยวชาญบางคนยังตั้งข้อสังเกตไว้ด้วยว่า ยิ่งเด็กก้าวหน้าอย่างมากในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นพิเศษ อาจจะทำให้การเรียนรู้เรื่องอื่นลดน้อยลงไปด้วยซ้ำ อย่างเช่น เด็กที่คลานเก่ง ๆ อาจจะเดินช้าเพราะเขาสามารถคลานไปไหน ๆ ได้คล่องดังใจโดยไม่ต้องใช้ความพยายามที่จะเดิน เด็กบางคนที่ไม่ยอมคลานสักทีแต่เผลอแผล็บเดียวเดินเลยก็มี เรื่องของพัฒนาการกว้างกว่าที่พ่อแม่ส่วนใหญ่รู้จักและเข้าใจ และช่วงเวลาในการก้าวข้ามพัฒนาการแต่ละอย่าง เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกันไปในช่วงเวลาที่แตกต่างกันถึง 6 เดือนก็เป็นได้ อย่างเช่น พัฒนาการทางภาษา เด็กสามารถเลียนเสียงพูดได้…

กลวิธีปราบเด็กแสบ (ดื้อ,ซน,ก้าวร้าว)

โดย…ธิดา พิทักษ์สินสุข “ครูหวาน” ใครๆ ก็คงอยากได้ลูกที่ว่าง่าย น่ารัก น่าเอ็นดู กันทุกคน แต่เหตุไฉนลูกของเราจึงไม่ไดดั่งใจ ไม่ดื้อก็ซน ไม่ซนก็ก้าวร้าว อ่อนอกอ่อนใจจริงไม่รู้จะทำอย่างไร เห็นทีต้องปล่อยให้ครูเขาจัดการเสียแล้ว เรื่องราวคงไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะที่สุดคุณครูก็จะย้ำทุกครั้งไม่ว่าทางบ้านต้องช่วยปรับพฤติกรรมด้วย ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางสำเร็จ เพราะอย่างไรเสีย เราคงหลีกเลี่ยงความเป็นจริงไม่ได้ว่า พ่อแม่นั่นแหละเป็นผู้ที่มีอิทธิพลสูงสุดต่อการปรับพฤติกรรมของลูก “เมื่อใดที่คุณเปลี่ยน ลูกจะเปลี่ยนตาม” สาเหตุและวิธีปราบเด็กดื้อ เด็กซน เด็กก้าวร้าว 1. ใส่ใจและเพิ่มปริมาณการชื่นชมพฤติกรรมที่ดี ลดการตำหนิติเตียน เด็กมีจุดอ่อนอยู่ 2 เรื่อง คือ ต้องการคนชม และต้องการคนสนใจ ถ้าเราสนใจและชมเขาในสิ่งดีที่เขาทำบ่อยๆ ให้มากเท่าที่ทำได้ ทุกครั้งที่ชมจะเป็นเครื่องยืนยันว่า หนูทำถูกต้องแล้ว ทำต่อไปนะแม้แต่เด็กที่ดื้อ ซน ก้าวร้าว พฤติกรรมก็จะดีขึ้นๆ จนกลายเป็นเด็กน่ารักในที่สุด   2. ใช้ท่าทีที่สงบสยบความดึงดัน ให้พ่อแม่เป็นคนยืนยันในสิ่งที่ต้องการ เด็กดื้อ คือ เด็กที่ยืนยันในสิ่งที่เขาต้องการ แล้วได้ตามต้องการ เด็กซน คือ เด็กที่ยืนยันว่าการเล่นสนุกนั้นทำได้เสมอในทุกที่  เด็กก้าวร้าว คือเด็กที่ยืนยันว่าการแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงนั้นได้ผลเสมอ                 …

เด็กไม่ยอมใส่หน้ากากอนามัย ควรทำอย่างไร?

ปัญหาของเด็กๆ หรือวัยรุ่น ที่ไม่เคยใส่หน้ากากอนามัย และไม่ชอบมีอะไรมาปิดบังใบหน้า คงเป็นที่หนักใจคุณพ่อคุณแม่เป็นแน่ แต่จากสถานการณ์ในหลายเขตกรุงเทพมหานคร ที่มีค่าฝุ่นละออง PM 2.5 เกินมาตรฐาน ซึ่งเป็นปริมาณที่สามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพหรือโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ เด็กๆ จึงเป็นกลุ่มที่ควรได้รับปกป้องให้ได้รับฝุ่นมลภาวะน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังนั้นวันนี้ ทีนเอ็มไทยเลยขอรวบรวมวิธีที่จะทำให้เด็กๆ ยอมใส่หน้ากากอนามัยกัน เด็กไม่ยอมใส่หน้ากากอนามัย ควรทำอย่างไร? 1. กลัวหายใจไม่ออก หน้ากากแบบธรรมดา หากต้องการใส่เพื่อป้องกันฝุ่นละออง PM 2.5 จำเป็นต้องใส่สองชั้น และระหว่างชั้นควรมีกระดาษทิชชู่คั่นไว้ระหว่างกลางอีกด้วย ถึงจะมีประสิทธิภาพดี แต่ยิ่งทำให้เด็กๆ รู้สึกอึดอัดและหายใจไม่ออกหนัก ดังนั้น ควรเลือกหน้ากากป้องกันฝุ่น PM 2.5 แบบมีวาล์ว จะช่วยระบายอากาศ ช่วยระบายความร้อนและความชื้นที่สะสมภายในหน้ากาก 2. เลือกลายหน้ากาก ควรเลือกหน้ากากที่มีสี ลวดลายการ์ตูนที่เด็กชอบ เพื่อดึงความสนใจให้เขาอยากใส่มากขึ้น หรือถ้ากลุ่มวัยรุ่น ก็ควรเลือกหน้ากากแบบ 3D ใส่สบาย ไม่เจ็บหูขณะใส่นานๆ แถมรับกับใบหน้าให้ดูหน้าเรียว เหมือนดาราศิลปินเกาหลี ก็ดูจะถูกใจวัยรุ่นอยู่ไม่น้อย 3. ไม่ชอบใส่เพราะหน้ากากเหม็น อีก 1 ปัญหากวนใจ นั้นก็คือ กลิ่นแปลกๆ…

ลูกของคุณเสี่ยงมีพฤติกรรมคล้ายออทิสติกหรือไม่

ปัจจุบันพบว่าเด็กวัยเตรียมอนุบาลและวัยอนุบาลเสี่ยงต่อการมีพฤติกรรมที่คล้ายออทิสติกมากขึ้น ซึ่งสาเหตุหลักๆ มาจากวิธีการเลี้ยงดู แต่พฤติกรรมที่คล้ายหรือเหมือนจะเป็นออทิสติกนี้สามารถป้องกันและแก้ไขได้หากคุณพ่อคุณแม่รู้เท่าทันและใส่ใจดูแลลูกแบบใกล้ชิด พฤติกรรมคล้ายออทิสติกคืออะไร พฤติกรรมคล้ายออทิสติกหรือในสื่อสังคมมักเรียกว่า “ออทิสติกเทียม” เป็นภาวะที่เด็กขาด “การกระตุ้น” ในการสื่อสารสองทาง จึงส่งผลให้เกิดความผิดปกติทางการสื่อสารกับผู้อื่น เนื่องจากพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงดูขาดการมีปฏิสัมพันธ์กับลูก เช่น ไม่พูดคุย ไม่เล่นกับลูก เป็นต้น แต่ให้ลูกเล่นอุปกรณ์สื่อสารอย่างแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน ซึ่งเป็นการสื่อสารแบบ One-way Communication หรือการรับสารเพียงทางเดียว จึงส่งผลให้เด็กเกิดความผิดปกติด้านพัฒนาการทางสังคม ออทิสติก VS ออทิสติกเทียม โรคออทิสติกเกิดจากความผิดปกติของสมองเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ในขณะที่อาการออทิสติกเทียมจะเกิดจาก “ขาดการกระตุ้น” เป็นหลัก และถึงแม้ว่าทั้งสองอย่างจะมีลักษณะอาการคล้ายกัน แต่เด็กที่เป็นออทิสติกเทียมหากได้รับ “การกระตุ้น” ที่เหมาะสมถูกทางในระยะเวลาสั้น ๆ ก็จะสามารถกลับมาเป็นเด็กปกติได้ ในขณะที่เด็กออทิสติกยังคงมีพฤติกรรมที่ต่างจากเด็กปกติถึงแม้จะได้รับการฝึกกระตุ้นพัฒนาการแล้ว อย่างไรก็ตามเด็กที่เป็นออทิสติกหากได้รับการกระตุ้นพัฒนาการอย่างเหมาะสมก็สามารถมีพัฒนาการและพฤติกรรมที่ดีขึ้นได้อย่างมาก     เช็กลูกให้ชัวร์ระวังอาการออทิสติก อายุ อาการ 6 เดือน  ไม่ยิ้มหรือไม่แสดงอารมณ์สนุกสนาน 9 เดือน  ไม่มีการส่งเสียง ยิ้ม แสดงสีหน้า โต้ตอบกลับไปมา 12 เดือน  ไม่หันหาเสียงเรียกชื่อ ไม่เล่นน้ำลาย 18…